One Small Step for Great Gentleman...PlaTwo ♥


๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เป็นวันที่เด็กชายปลาทูได้มีโอกาสไปโรงเรียนพร้อมกับพี่เข็มของเขาเสียที ปลาทูเข้าอนุบาล ๑ ครับ ส่วนพี่เข็มขึ้นอนุบาล ๓ 

ในช่วง ๒-๓ ขวบ ที่ปลาทูเริ่มคุยรู้เรื่อง เขาร้องไห้ที่จะขอตามพี่สาวเขาไปโรงเรียนด้วยทุกวัน ซึ่งสิ่งที่พอทำได้ในยามเช้าคือ การพาเขาเดินไปส่งพี่เข็มขึ้นรถม่ามี๊ไปโรงเรียน..ด้วยกัน ^^

สำหรับการพาลูกไปโรงเรียนครั้งนี้ ถึงจะไม่ได้เป็นครั้งแรกของป่าปี๊และม่ามี๊ก็ตาม  สาระความสำคัญของวันนี้ก็ยังมีอยู่เต็มเปี่ยมที่เราจะต้องส่งมอบกำลังใจ และความรักให้หนุ่มน้อยปลาทู ...รวมถึงพี่เข็มที่หยุดอยู่บ้านนานเกิ้น!
หยอกเย้า

ตั้งแต่ก่อน ๖โมงเช้า ม่ามี๊ตระเตรียมชุดนักเรียน และอาหารเช้าให้นักเรียนทั้ง ๒ คน อย่างพร้อมเพรียง หลังจากป่าปี๊พาพี่เข็มไปอาบน้ำกลับมาแล้ว ป่าปี๊จึงค่อยๆ ปลุกปลาทู และอุ้มไปอาบน้ำ

"ไปโรงเรียนเหรอ ป่าปี๊"  (ปลาทูลืมตาขึ้นมานิดนึงถาม)

"ครับผม ปลาทู ป่าปี๊พาทูไปอาบน้ำก่อนนะครับ" ป่าปี๊ตอบ..(ปลาทูยินยอมด้วยดี ^^ )

 
สำหรับปลาทูพี่หมอนเหม็นยังมีความสำคัญต่อเขาอยู่นะครับ เป็นเหมือนกำลังภายใน(ใจ)ส่งผลทำให้ "สบายใจ" ซึ่งคุณป้ากับคุณม่ามี๊ได้วางพล็อทเรื่องให้พี่หมอนเหม็น ต้องอยู่บ้านจึงจะปลอดภัย หากพาไปโรงเรียนด้วยอาจหายไปได้ สำหรับท่านที่เพิ่งเคยเข้ามาอ่าน เรามีประวัติเรื่องราวหมอนเหม็นปลาทูมาอ้างอิงให้อ่านต่อนิดหน่อยที่ลิงค์นี้ 

http://cafedelarny.blogspot.com/2012/06/transitional-object.html

การเตรียมตัวก่อนเข้าอนุบาลของปลาทู อาจต่างจากพี่เข็มนิดหน่อยครับ เพราะปลาทูนั้นจะมีโอกาสมาเที่ยวที่โรงเรียนในทุกๆ โอกาสที่โรงเรียนมีงาน เขาจะได้มาเล่นที่สนามเด็กเล่นเพื่อเป็นการสร้างทัศนคติที่ดีต่อโรงเรียนเสมอครับ   และโชคดีที่โรงเรียนนี้ สนามเด็กเล่นมีหลายจุดรองรับและตรงหน้าตึกพี่เข็มก็มีขนาดใหญ่น่าตื่นตาตื่นใจด้วย
อมยิ้ม15























นอกจากการเตรียมตัวภายในแล้ว ทางกายภาพก็มีความสำคัญ ปลาทูยังมีเรื่องที่ให้ต้องฝึกกันอีกหลายอย่างครับ เช่น ฝึกบอกฉี่ บอกอึได้ ควรไม่ต้องใส่แพมเพิสแล้ว สำหรับการเลิกแพมเพิสของปลาทู ป่าปี๊มี Best Practice มาจากพี่เข็มแล้วเลยนำมาประยุกต์กับปลาทูได้ไม่ยากครับ คือ การจำเวลาฉี่ลูก แล้วคอยดูว่าครบ ๓ ชั่วโมงเมื่อไหร่ก็สอบถามและชวนกันไปฉี่ สิ่งที่ได้คือการที่เขาจะสำรวจตัวเองว่ามีความรู้สึกปวดฉี่ แล้วหรือปล่าวแล้วเขาจะค่อยๆ จำอาการปวดฉี่ตัวเองได้แล้วสามารถบอกได้ในที่สุดครับ
อมยิ้ม02



ระหว่างทางนั่งรถไปไม่มีอาการใดๆ ที่บอกว่าไม่อยากไปโรงเรียนครับ ม่ามี๊ป้อนข้าวไปในรถร่าเริงแจ่มใสตลอด ... 

มาที่โรงเรียนนะครับ  ๒วันแรก โรงเรียนกำหนดให้เด็กอนุบาลทุกชั้นเรียนเพียงครึ่งวัน เราลางานกันทั้งคู่เพื่อมาเป็นกำลังใจให้เขา  เราพาปลาทูไปส่งพี่เข็มที่ตึกเรียนก่อน เพราะอยากสร้างความคุ้นเคยให้กับปลาทู  และที่สำคัญสนามเด็กเล่นหน้าตึกพี่เข็มจะน่าตื่นเต้นที่สุดครับ อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ครับ
พลุโอ่ง

ระหว่างทางเดินกลับมาที่ตึกเรียนของปลาทู เราได้ยินเสียงแว้วมาแต่ไกล  "เป็นเสียงเด็กร้องไห้!" เราลุ้นนิดหน่อยครับเพราะกลัวเรื่อง "อุปทานหมู่" ที่จะทำให้เจ้าปลาทูร้องไห้ไปกับเขาครับ เราตรวจดูชื่อปลาทูและรู้ห้องเรียบร้อย จึงพากันเดินขึ้นไปที่ห้องซึ่งอยู่ชั้น๒ ด้วยกัน ม่ามี๊ซึ่งเป็นขาประจำที่มาส่งเด็กๆ ที่โรงเรียนเลยได้เจอคุณครูแฟนคลับของ "พี่ปลาเข็ม" ทักทายถามไถ่ตลอดทาง
อมยิ้ม16
 
เมื่อไปถึงห้องเรียน ปลาทูสังเกตเห็นเพื่อนๆ อยู่ข้างในเต็มห้อง บางคนร้องไห้ บางคนเล่นของเล่นอยู่ เขาเลี่ยวมาสบตาป่าปี๊กับม่ามี๊ ซึ่งมองเอาใจช่วยเขาอยู่

"ปลาทูครับ วันนี้เราจะมาเล่นกันที่โรงเรียนนะครับ  คุณครูไม่ให้ป่าปี๊กับม่ามี๊เล่นนะครับ เขาให้เด็กๆ เล่นอย่างเดียว  แล้วพอโรงเรียนเลิก ป่าปี๊กับม่ามี๊จะมารับนะครับ"  

" See ya! OK? " (ม่ามี๊จุ๊บ ให้กำลังใจ)

ป่าปี๊กับม่ามี๊รีบปลีกตัวกันออกมาก่อน เพราะเด็กๆ บางส่วนกำลังร้องไห้มองตามหาคุณพ่อคุณแม่ของเขาอยู่  ปลายสายตาแอบมองลูกชายที่กำลังยืนนิ่งๆ อยู่คนเดียวมองสถานการณ์ตรงหน้าอยู่ เพราะครูพี่เลี้ยงกำลังประกบเด็กที่กำลังร้องไห้อยู่ แอบนับๆ เข้าใจว่ามีเด็กในห้องเดียวกับทูประมาณยี่สิบกว่าคน

อีกทางหนึ่ง กำลังใจจากคุณป้าๆ และคุณตา โทรเข้ามาสอบถามอาการพร้อมส่งกำลังใจกันอย่างเนืองแน่นเสมอครับ  แต่เราจะยังไม่ทราบต้องรอจนถึงเวลาเลิกเรียนก่อน สิ่งหนึ่งที่เราได้รับประสบการณ์พาลูกมาส่งโรงเรียนคือ ประสบการณ์ในการเตรียมจิตใจตัวของคุณพ่อคุณแม่เอง ที่จะต้องไม่ไปสงสารหรือกังวลกับเขามากเกินไป ผมเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่เองก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เขาโตได้ช้าหรือเร็วด้วยครับ 

ครั้งหนึ่งเราเคยมีประสบการณ์ที่ลูกกำลังเล่นสนุกกับพี่ๆ แล้วติดพัน ขอไปนอนบ้านป้า ซึ่งเราก็โอเค เพราะแอบคิดว่าอีกพักหนึ่งคงโทรมาให้เราไปรับกลับบ้านเป็นแน่  แต่เรื่องกลายเป็นว่าไม่เป็นอย่างที่เราคิด เขาอยู่สบายและนอนหลับกับพวกพี่ๆ และในทางตรงกันข้ามนี่เอง เราเองต่างหากที่นอนไม่หลับ ห่วงโน้นนี่นั้นสารพัดครับ
ใบแดง 
 

















วินาทีที่แอบมองปลาทูหลังจากเรียนเสร็จวันแรก


๑๑.๓๐ น. ป่าปี๊กับม่ามี๊กลับมาถึงโรงเรียนรีบเดินไปดูที่ตึกปลาทูก่อน พบว่า อาจารย์ยังไม่ปล่อย เลยเดินกลับวกมาตึกพี่เข็มพบว่ากำลังให้เด็กๆ ทานข้าวกลางวันอยู่ จึงกลับไปรอที่หน้าตึกของปลาทู  มีพ่อแม่หลายท่านที่เราเจอเมื่อตอนเช้านั่งรออยู่ 

จนได้สัญญาณจากอาจารย์ว่าให้ขึ้นไปรับได้ ป่าปี๊กับม่ามี๊รีบตรงไปที่ห้อง

ปลาทูนั่งอยู่ในห้องดูเฉยๆ ซึมๆ เดินออกมาหาม่ามี๊ที่รอกอดอยู่ และเมื่อสอบถามคุณครูจึงทราบว่า วันนี้เด็กๆ มาใหม่เอื่ยมวันแรกแบบปลาทูหลายคนซึ่งบรรยากาศเลยทำให้เด็กๆ ร้องไห้กันเยอะ และก็ไม่แปลกอะไรที่ปลาทูจะมีร้องไห้บ้าง ซึ่งภาพรวมวันนี้โอเค...

ป่าปี๊ :  "วันนี้สนุกไหมลูก"

ปลาทู :"ซา-หนุก" 

ป่าปี๊ : " วันนี้นู๋มีเพื่อนกี่คน...? " 
ปลาทู : " หกคน "

ป่าปี๊ : " โห!! เยอะจัง มีชื่ออะไรบ้างอะลูก..? " 
ปลาทู : " ชื่อ ปลาทู.... !?! "


อมยิ้ม20"ไปครับ  เราไปรับพี่เข็มกัน "


   
คำถามนึงที่แอบได้ยิน หลังจากที่เราคุยกับคุณครูไก่เสร็จ เหมือนเป็นสูตรสำเร็จของคำถามที่ผู้ปกครองจะถามกับคุณครู เป็นประโยคแรกๆ คืออะไรรู้ไหมครับ ....

"ร้องไห้ไหมคะคุณครู" อมยิ้ม08




















" ปลาทู โอเค! "


เพิ่มเติมอีกความทรงจำครับ สำหรับวันที่พี่ปลาเข็มไปโรงเรียนวันแรก 

http://cafedelarny.blogspot.com/2010/10/tt.html

 

อมยิ้ม17 ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามจนจบครับ 

ความคิดเห็น